คุณค่าของประเพณีแห่นางแมวและความเชื่อ
ประเพณีแห่งนางแมวเป็นประเพณีดั้งเดิมของคนไทย ในหลาย ๆ พื้นที่ที่มีอาชีพเกษตรกรรมคุณค่าของประเพณีที่ทำสืบต่อกันมา พิธีแห่นางแมวไม่ใช่พิธีที่ทำกันเป็นประจำทุกปีเหมือนสงกรานต์ หรือสารท อันเป็นพิธีกรรมที่มีวาระกำหนดแน่นอน เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตปกติของคนทั่วไป พิธีแห่นางแมวเป็นพิธีที่ทำกันเฉพาะเมื่อยามเกิดความไม่ปกติขึ้นในชีวิตชาวนา คือฝนแล้งพิธีกรรมนี้จึงสะท้อนพฤติกรรมที่ไม่ปกติของชุมชนชาวนาไทยหลายต่อหลายอย่าง อันไม่อาจถือได้ว่า เป็นแบบแผนความสัมพันธ์ตามปกติของสังคมชาวนาไทยพิธีแห่นางแมวจึงเป็นพิธีของชุมชนทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะของผู้ที่เชื่อถือในเรื่องนี้บางกลุ่ม ในระหว่างเดินแห่นางแมวนั้นก็มีการร้องเพลงแห่นางแมว คุณเอนก นาวิกมูล อธิบายไว้ว่า “ไม่กำหนดว่าใครจะร้องตอนไหนตรงไหน ต่างคนต่างช่วยกันนึก ใครเหนื่อยก็หุบปากเสียหน่อย ใครไม่เหนื่อยก็ร้องกันต่อไป ถึงมืดถึงค่ำก็สนุกสนานไม่ค่อยยอมเลิก”ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพิธีแห่นางแมวซึ่งกระทำในยามวิกฤติของชาวนากลับเป็นพิธีแห่งความสนุกสนาน ไม่ใช่พิธีแห่งความเศร้า ความกลัว หรือความศักดิ์สิทธ์เคร่งขรึม
บทเพลงแห่นางแมวก็มีหลายสำนวน หากประด็นหลักที่ร้องตรงกันคือ 1. ภาพแห่งความสมบูรณ์ของไร่นาอันเกิดจากน้ำท่วมและน้ำฝนบริบูรณ์ 2. ความคือคำที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศและการร่วมประเวณีนอกจากนี้ในขบวนแห่นางแมวของดอนยายหอมยังมีการแบกเอา “ปลักขิก” ทาสี จัดทำให้มีขนาดใหญ่ร่วมขบวนไปด้วยหลายอัน
ความอุดมสมบูรณ์กับการร่วมเพศนั้นดูเหมือนเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กันในความคิดของคนหลายวัฒนธรรมจนเกือบจะเรียกว่าเป็นสากลในยุโรปมีการขุดพบตุ๊กตาเพศหญิงสมัยหิน มักทำเป็นคนท้องมีอวัยวะเพศใหญ่ผิดส่วน เชื่อกันว่าตุ๊กตาเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบพิธีให้เกิดความสมบูรณ์ศิวลึงค์ที่ตั้งบนฐานโยนีก็เป็นการสร้างสัญลักษณ์ของความงอกงาม พิธีกรรมและคติความเชื่อของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็สัมพันธ์ความงอกงามสมบูรณ์กับเรื่องเพศมาแต่โบราณ ดังที่พบได้ในรัฐโบราณ ความเป็นจริงในการแห่นางแมวจริงๆ นั้นมีบทร้องที่เกี่ยวกับการร่วมเพศและอวัยวะเพศมากกว่าที่ปรากฏในบทร้องซึ่งจดๆ กันไว้มากมาย เมื่อนักวิชาการไปไถ่ถามชาวบ้านมักไม่ร้องให้หมดร้องได้ไม่เท่าจริงร้องเป็นคำสุภาพแทน หรือไม่ก็ตัดข้ามไปเสียเลยก็มีเพราะบทร้องแห่นางแมวมักจะเต็มไปด้วยความและคำ “หยาบ” จึงไม่ใช่เพราะชาวบ้านเป็นคน “เร่อร่าหยาบคาย” แค่ความและคำเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของพิธีกรรมที่ไม่ใช่เรื่องหยาบคาย แต่ถ้านอกพิธีกรรมแล้ว เขาเองก็กระดากปากที่จะพูดคำเหล่านี้
การแห่นางแมวมีข้อที่พึงสังเกต 2 ประการ ในการทำพิธีประการแรกคือคำหยาบในบทร้องนั้นเป็นภาวะไม่ปกติของชีวิตชาวบ้าน กล่าวคือไม่ใช่วิสัยที่ชาวบ้านจะพูดหยาบคายประการที่สองไม่มี “ศาสนา” ในพิธีกรรมนี้พระไม่มีบทบาทไม่ต้องทำบุญตักบาตรก่อนแห่นางแมวไม่ต้องรับศีล
นอกจากนี้ในพิธีแห่นางแมวสะท้อนคุณค่าของการอยู่ร่วมกันของคนในชุมชน ความแห้งแล้งเป็น
วิกฤตที่นำมาซึ่งความตึงเครียดในความสัมพันธ์ของชุมชน เพื่อนบ้านที่เคยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันมาอาจกลายเป็นสายให้โจรมาปล้นบ้านหรือมาลักควาย ทรัพย์ที่เคยเจือจานกันได้กลับถูกเก็บงำเพื่อความอยู่รอดของครอบครัวตนเอง ฝนแล้งจึงไม่ใช่วิกฤตของชีวิตครอบครัวเท่านั้นแต่เป็นวิกฤตของชุมชนทั้งหมดแต่คนในชุมชนสมัยก่อนเข้มแข็งต่อสู้กับธรรมชาติฝนแล้ง มีกลไกในวัฒนธรรมชาวนาที่จะกอบกู้แลรักษาความเป็นปึกแผ่นของชุมชนไว้ แห่นางแมวก็เป็นกลไกลสำคัญหนึ่ง
ความสนุกสนานของขบวนแห่นางแมวจึงปลุกปลอบใจชาวนาในยามวิกฤต ว่าแม้ข้าวจะสิ้นยุ้งฉาง
ทรัพย์สมบัติของแต่ละคนจะไม่เหลือหลอ แต่ทุกคนยังมีชุมชนของตนอยู่อย่างมั่นคง และชุมชนนี้เองที่จะทำให้ทุกคนอยู่รอดจากภัยพิบัตินั้นได้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แต่น้ำซึ่งเริ่มจะหายากขึ้นยังเอามาสาดทิ้งสาดขว้างได้ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้แล้วทุกคนก็จะอยู่รอดได้เอง การให้แก่ชุมชนจึงเป็นสิ่งสำคัญกว่าการเก็บงำไว้เฉพาะตัว เพราะความปลอดภัยของทุกคนอยู่ที่การคงอยู่ของชุมชน
ถ้าวิเคราะห์ในสภาพปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าพิธีแห่นางแมวสะท้อนถึงความเสมอภาคของคนในอดีตเช่นกัน ผู้หญิงซึ่งถูกคาดหวังในยามปกติ ไม่ให้พูดในเรื่องเพศจนเกินไป แต่ในขบวนแห่นางแมวมีบทบาทในการร้องเพลงแห่นางแมวเหมือนกันกับผู้ชาย และถือปลัดขิกอันใหญ่แบกไปกับขบวนนั้น ไม่ได้แบกไปเฉยๆ แต่ร่อนขึ้นทิ่มแทงหยอกล้อกันเองและคนอื่นที่ไม่ได้ร่วมขบวนกันอย่างสนุกสนาน ถึงบ้านใครก็เอาปลัดขิกนั้นทิ่มฝาบ้าน ไม่ว่าบ้านนั้นจะมีลูกสาวที่ยังไม่แต่งงานอยู่สักกี่คน และไม่ว่าบ้านนั้นจะเป็นของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านคนใดของหมู่บ้าน ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องพิธีกรรม มีแต่ความเท่าเทียมกัน
การแห่นางแมวจึงเป็นเรื่องของการฟื้นฟูและรักษาไว้ซึ่งพลังอันแข็งแกร่งที่สุดของชุมชนชาวนาในอันที่จะเผชิญภัยธรรมชาติร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ