ตำนานพระยากง พระยาพาน

ความเป็นมาและความสำคัญ

ย้อนยุคไปประมาณ 1,000 –1.600 ปี ดินแดนย่านนครปฐม ราชบุรี และอำเภออู่ทองของจังหวัดสุพรรณบุรีในขณะนี้ เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรือง มีชื่อว่า ทวาราวดี มีเมืองศรีวิชัย หรือนครปฐมในปัจจุบัน เป็นเมืองศูนย์กลางการติดต่อกับต่างประเทศ คือ จีน อินเดีย ชวา จากหลักฐานโบราณวัตถุที่ขุดได้ ยืนยันว่า เป็นจุดที่มีการติดต่อและรับเอาศิลปวัฒนธรรมจากต่างประเทศเข้ามาในสมัยนั้น
เมื่อพระพุทธศาสนาได้แผ่เข้ามาในสุวรรณภูมิ ศรีวิชัยก็ได้กลายเป็นเมืองสำคัญทางพระพุทธศาสนาของ อาณาจักรทวาราวดีด้วย แต่ถึงอย่างไร ก็ยังไม่พบหลักฐานที่บ่งบอกว่าใครเป็นผู้สร้างพระปฐมเจดีย์ และสร้างมาตั้งแต่เมื่อใด แต่เดิมนั้นเรียกพระปฐมเจดีย์กันว่า “พระประธม” ด้วยเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาบรรทม ณ ที่แห่งนี้ มีนิราศเรื่องหนึ่งใน ๙ เรื่องที่ สุนทรภู่ แต่งไว้ มีชื่อว่า “นิราศพระประธม” ซึ่งบรรยายตอนหนึ่งไว้ว่า

“ครั้นถึงพระประธมบรมธาตุ

สูงทายาดอยู่สันโดษบนโขดเขิน

แลทมึนทึนเทิ่งดังเชิงเทิน

เป็นโขดเขินสูงเสริมเขาเพิ่มพูน”

นักโบราณคดีรวบรวมหลักฐานและวิเคราะห์ไว้แน่ชัดแล้วว่า พระปฐมเจดีย์นี้เป็นเจดีย์แห่งแรกของ ประเทศไทย สร้างตามคตินิยมสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ส่งสมณะทูตเข้ามาเผยแพร่พระศาสนาในย่านนี้ มีลักษณะคล้ายสถูปที่สาญจีในอินเดีย การสร้างก็เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา และความมีอำนาจวาสนาของผู้สร้าง แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง มีตำนานเรื่องสร้างพระปฐมเจดีย์เล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนดอนยายหอมมีวรรณกรรมพื้นบ้านพระยากง พระยาพาน และยายหอมเป็นตำนานพื้นถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับสถานที่สำคัญและชื่อบ้านนามเมืองของชุมชนอีกด้วย กล่าวกันว่า มีเจ้าผู้ครองเมืองนครชัยศรีชื่อ “พระยากง” เมื่อพระมเหสีทรงครรภ์ พระยากงได้ให้โหรมาทํานายทารกในครรภ์ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย โหรทํานายว่าทารกจะเป็นชายมีบุญบารมีมาก มีจิตใจห้าวหาญและอาจเป็นปิตุฆาตคือ ผู้ที่จะฆ่าพ่อได้ ครั้นเมื่อถึงเวลาประสูติ ได้นำพานทองมารองรับตามราชประเพณี ปรากฏว่า พระนลาฏของพระโอรสน้อยได้กระทบกับขอบพาน จนพานเป็นรอยยุบลงไปและเกิดเป็นแผลขึ้นที่พระนลาฏของพระองค์ เมื่อพระยากงทราบดังนั้นก็คิดถึงคําทํานายของโหรว่าพระโอรสมีบุญมากจริง จนขนาดพานทองที่มารองรับยังทานบุญบารมีไว้ไม่ได้จนขอบพานยุบเป็นรอย จึงสั่งให้ทหารนําพระโอรสน้อยไปประหารเสีย พระมเหสี เมื่อทราบดังนั้นก็ทุกข์ใจมากคิดหาทางแก้ไข ในที่สุดก็ทรงนําพระโอรสไปฝากไว้กับแม่นม ชื่อ “ยายหอม” ครั้นเมื่อ พระโอรสเจริญวัยเป็นเด็กชายพาน ยายหอมเห็นว่าเป็นเด็กฉลาดเฉลียวจึงนําไปถวายพระยาราชบุรี เมื่อพระยาราชบุรีพบเด็กชายพานก็พอพระทัยมาก ประกอบกับที่ไม่ทรงมีพระโอรสพระธิดาจึงทรงรับเด็กชายพานไว้เป็น พระราชบุตรบุญธรรม ตั้งให้เป็น “พระยาพาน”
พระยาพานได้รับการศึกษาเล่าเรียนศิลปศาสตร์ทุกแขนงจนมีความรู้ความเชี่ยวชาญมาก ครั้งเมื่อ พระยาพานเจริญวัยเป็นราชบุตรผู้เก่งกล้า ทรงถามพระยาราชบุรีว่าทําไมต้องส่งเครื่องบรรณาการแก่เมืองนครชัยศรีทุก ๆ ปี ขณะที่บ้านเมืองของเรา
ก็ขัดสน จะงดเว้นบ้างสักปีไม่ได้หรือ พระยาราชบุรีทรงตรัสว่าถ้าทําเช่นนั้น เมืองนครชัยศรีจะหาว่าเราก่อกบฏ และจะยกทัพมาตีได้เราก็ไม่มีกําลังจะต่อสู้ พระยาพานทราบเช่นนั้นก็รับอาสาที่จะป้องกันเมือง พระยาราชบุรีจึงไม่ส่งเครื่องบรรณาการแก่เมืองนครชัยศรีของพระยากงอีกต่อไป เจ้าเมืองราชบุรีจึงแต่งตั้งให้พระยาพานเป็นอุปราช พระยาพานกราบลาท่านเจ้าเมืองและต้องการช้างศึกจึงเดินเข้าไปในป่าลึก ที่นั่นท่านก็พบกันนายพรานสามคนแล้วบอกกับพรานทั้งสามว่าเราต้องการช้างตัวใหญ่ลักษณะดี สามพรานจึงตอบว่าพวกข้าฯเพิ่งได้ช้างตัวใหญ่มา ลักษณะของช้างดูดีช่างถูกชะตา ในปัจจุบันสถานที่ ๆ พระยาพานพบกับนายพรานทั้งสามนั้นเรียกว่า “บ้านสามพราน” หรืออำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พระยาพานส่งจดหมายและแจ้งพระยากงว่าเมืองราชบุรีจะไม่ส่งบรรณาการให้นครชัยศรีอีกต่อไป ตัวข้าฯ ขอท้าให้เจ้าเมืองนครชัยศรีจงจัดช้างศึกเข้ามารบต่อตี ณ บริเวณเดิมที่ราชบุรีเคยปราชัย พระยากงเมื่อเห็นจดหมายจึงยกทัพใหญ่มาประชิดเมืองราชบุรี พระยาพานท้าให้พระกงทำยุทธหัตถี พระยากงได้เกิดเสียทีถูกพระยาพานฟันจนสิ้นพระชนม์ กองทัพเมืองนครชัยศรีจึงแตกหนีพ่ายไป สถานที่ดังกล่าวปัจจุบันเรียกว่า “บ้านถนนขาด” (ตำบลถนนขาด จังหวัดนครปฐม)
กองทัพของพระยาพานได้ ติดตามเข้ายึดทรัพย์สินในเมืองนครชัยศรีตามสิทธิ์ของผู้ชนะสงคราม เมื่อเข้าเมืองนครชัยศรีได้แล้ว เสนาอํามาตย์จึงยกเมืองให้พระยาพานขึ้นครองต่อไป ไม่แว้นกระทั่งพระมเหสีของพระยากงที่ลือกันว่างดงามยิ่งนัก พระยาพานอยากได้เป็นพระชายา แล้วท่านก็เดินทางไปที่ตำหนักมเหสีเพียงลำพังก็พบกับแมวแม่ลูกคู่หนึ่ง ท่านจึงเดินข้ามแมวแม่ลูกคู่นั้นไป ทันใดนั้นท่านได้ยินเสียงว่า “ท่านเห็นพวกเราเป็นสัตว์จึงเดินข้ามไปเฉยๆเช่นนี้สินะ” พระยาพานมองหาต้นเสียงปรากฎว่าไม่มีใครท่านจึงก้มมองลงมาที่แมวแม่ลูก แม่แมวกำลังมองหน้าของพระยาพานแล้วบอกว่า “จะประสาอะไรกับพวกเรา ขนาดแม่ของเขาเองเขาจะเอามาเป็นเมียได้เลย” พระยาพานสงสัยในคำพูดของแมวแม่ลูก รึว่ามันจะหมายถึงมเหสีของพระยากงอย่างนั้นหรือ ท่านเปิดประตูเข้าไปก็พบหญิงงามที่หาได้ยากยิ่ง ท่านจึงอธิฐานว่าถ้าหญิงงามคนนี้เป็นแม่ของเราขอให้มีน้ำนมไหลออกมา