เทศกาลกินเจ

ความเป็นมาและความสำคัญ

เทศกาลกินเจ 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 โดยทุกๆ ปี จะเริ่มกินเจวันแรก ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 จนไปสิ้นสุดในวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของลูกหลานชาวไทย เชื้อสายจีนมายาวนาน ความเชื่อเกี่ยวกับ "เทศกาลกินเจ" มีหลายตำนาน แต่สำหรับเรื่องที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เชื่อว่าการกินเจเริ่มต้นขึ้นในสมัยที่กองทัพแมนจูเข้ามาปกครองชาวจีน ทำให้กลุ่มกองกำลังทหารชาวบ้านที่ชื่อว่า "หงี่หั่วท้วง" รวมตัวกันต่อต้านกองทัพแมนจู โดยแสดงออกผ่านการถือศีล งดกินเนื้อสัตว์ และผักที่มีกลิ่นฉุน นุ่งขาวห่มขาว ประกอบพิธีกรรมบริกรรมคาถาตามความเชื่อ หวังว่าจะสามารถช่วยเสริมกำลังใจ และป้องกันปืนไฟของกองทัพแมนจูที่ยิงเข้ามาได้
แต่สุดท้ายแล้ว กลุ่มกองกำลังหงี่หั่วท้วงก็พ่ายแพ้ต่อแมนจู โดยผู้นำทั้ง 9 คน ถูกจับไปประหารชีวิต ทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวจีนจึงร่วมกันถือศีลกินผักในเดือน 9 เป็นระยะเวลา 9 วัน เพื่อรำลึกถึงบุญคุณของกลุ่มหงี่หั่วท้วงในอดีต
ส่วนเทศกาลกินเจในประเทศไทย เป็นรูปแบบความเชื่อ และประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันในกลุ่มคนเชื้อสายจีน โดยรับเอาแนวคิดจากบรรพบุรุษชาวจีน ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผสมกลืนกลายกับรูปแบบความเชื่อท้องถิ่น จนกลายเป็นประเพณีเฉพาะของลูกหลานชาวจีนในภูมิภาคนี้
เมื่อถึงช่วงเทศกาลกินเจ ไทยมักจะจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสืบสานประเพณี ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาร่วมงาน สำหรับงานกินเจที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จัก ได้แก่ งานกินเจที่ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ และงานกินเจ จ.ภูเก็ต
ส่วนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบัน เชื่อว่าการกินเจ คือการสักการะพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ ซึ่งชาวจีนจะเรียกเทศกาลนี้ว่า "เทศกาลเฉลิมฉลองของพระราชาธิราชทั้ง 9"
คำว่า "เจ" (齋) หรือ "ไจ" (ภาษาจีนกลาง) ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน มีความหมายเดียวกับคำว่า "อุโบสถ" เปรียบเสมือนการถืออุโบสถศีล ไม่กินเนื้อสัตว์ ดำรงอยู่ในศีลธรรม ทำให้ความหมายของคำว่า "เจ" สื่อถึง การรักษาความบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ เพื่อเป็นการสักการะบูชาองค์เทพที่นับถือ
ส่วนป้ายคำว่า "เจ" ทั้งภาษาไทยและจีน ที่เรามักเห็นในประดับตามห้างร้านต่างๆ ในช่วงเทศกาลกินเจ เป็นการสื่อว่า "ไม่มีของคาว" (ไม่มีเนื้อสัตว์) โดยตัวอักษรสีแดง เป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคล ส่วนพื้นหลังสีเหลือง เป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนานั่นเอง
การรักษาศีลในช่วงเทศกาลกินเจ หรือประเพณีถือศีลกินผัก นอกจากเชื่อว่าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม และองค์เทพเจ้าที่นับถือแล้ว ยังเป็นกุศโลบายที่ช่วยให้ผู้ถือศีลกินเจ ผู้ที่งดบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ เป็นเวลา 9 วัน ได้ฟื้นฟูสุขภาพและขับสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งการกินผักจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย
คุณ เสฏฐวุฒิ เอกรัตนวัฒน์ รองประธานศาลเทพเจ้ากวนอูนครปฐม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เทศกาลกินเจที่ศาลเทพเจ้ากวนอู จังหวัดนครปฐมได้จัดงานมานานร่วม 40-50 ปีแล้ว แต่ก่อนศาลเจ้าเป็นแค่เพิงเก่าๆเท่านั้น ซึ่งเทศกาลกินเจ ไม่ใช่เทศกาลกินผัก แต่เป็นการถือศีล
การถือศีลของเทศกาลกินเจ ก็จะไม่ต่างจากการถือศีลตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ก็คือหลักศีล 5 นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การลักทรัพย์ การล่วงเกินผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่ครอง การพูดจาส่อเสียด พูดปด พูดเท็จ และการดื่มสุรา
การกินเจ ทำให้เราได้พักจิตพักใจ ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย การที่เรารับประทานผัก ก็ทำให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย แต่ความเคร่งทางด้านความเชื่อก็ต่างกันแต่ละบุคคล
ซึ่งการกินเจ ก็มีหลายระดับ ระดับแรกๆ ก็เป็นการรับประทานมังสวิรัติ กินไข่และนมได้ อีกระดับถัดไป ก็สามารถกินนมและผักต้องห้าม 5 อย่างได้ (กระเทียม, หัวหอม, หลักเกียว หรือ กระเทียมโทนจีน, กุยช่าย, ใบยาสูบ) หรือชนิดที่เคร่งที่สุดเลย คือ งดเว้นเนื้อสัตว์ และการทำอันตรายต่อสัตว์, งดนม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์, งดผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง รวมถึงสิ่งเสพติดและของมึนเมาต่างๆ, งดอาหารรสจัด เผ็ดจัด หวานจัดมาก เปรี้ยวจัด และเค็มจัด, รักษาศีลห้า รักษาจิตใจ และอารมณ์ให้สงบ, ทำทาน นุ่งขาวห่มขาว
สำหรับที่ศาลเทพเจ้ากวนอู จังหวัดนครปฐมเอง เราสามารถดื่มนมวัวได้ และทานผักที่เป็นของฉุนได้ เพราะตามคติความเชื่อของที่นี่ คือสิ่งเหล่านี้ไม่ได้แลกมาด้วยความเจ็บปวด หรือความตายของสัตว์
เทศกาลกินเจ จะเกิดขึ้นในวันขึ้น 30 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติจีน พิธีในวันแรกมีการเชิญเจ้า (เฉี่ยเก) ในวันขึ้น 30 ค่ำ เดือน 8 มีการเข้าทรง เชิญเจ้า ในวันเสาร์อาทิตย์ลูกศิษย์จะรวมตัวกันมาเข้าพิธีเชิญเจ้า (เฉี่ยเก) 10 องค์ ในการเชิญเจ้าองค์แรก คือองค์ประธานใหญ่ (องค์เต๋าบ้องั่วกุง) พระแม่แห่งดวงดาว เป็นประธานขององค์ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 (กิ่วอ้วงฮุกโจ้ว) เป็นพระโพธิสัตว์ 9 องค์ ประธานในเทศกาลกินเจ ได้แก่ พระอาทิตย์ ( ไท้เอี้ยงฮุกโจ้ว ) พระจันทร์ ( ไท้อิมฮุกโจ้ว ) พระอังคาร ( ห่วยแชกุง ) พระพุธ ( จุ้ยแชกุง ) พระพฤหัสบดี ( บั๊กแชกุง ) พระศุกร์ ( กิมแชกุง ) พระเสาร์ ( โท้วแชกุง ) พระราหู ( ล่อเกาแชกุง ) พระเกตุ ( โกยโต้วแชกุง )
พิธีเป๋าอุ่งเต็ง (พิธีตะเกียงเสริมดวงชะตา) องค์ประธานคือ เทพเจ้าดาวเหนือ (น่ำซิ่งแชกุง) หรือ เทพเจ้าดาวใต้ (ปักเต้าแชกุง) ท่านทั้ง 2 จะดูแลเรื่องของบัญชีอายุขัย และการเวียนไหว้ตายเกิดของลูกหลานที่ได้นำดวงชะตและเสริมดวง ในพิธีจะตั้งตะเกียงทั้งหมด 8 วัน จนถึงวันกิ่วหง่วยเช็งเฉ็ก เป็นวันที่ทางศาลจะนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ มาถวายภัตตาหารเพล และเครื่องไทยธรรม ในทุกวันจะมีพิธีเวียนธูปช่วงหัวค่ำ เป็นการเสริมสิริมงคลให้กับลูกศิษย์ที่มาไหว้
ตกวันที่ 6 เดือน 9 (จีน) จะมีพิธีปังแซ หรือพิธีปลดปล่อยชีวิตสัตว์ ปล่อยนก ปล่อยปลาไหล ปล่อยเต่า และในวันที่ 7 เดือน 9 (จีน) ก็จะถวามภัตตาหารเจให้กับพระสงฆ์ที่มาเจริญพระพุทธมนต์ ส่วนวันที่ 8 เดือน 9 (จีน) จะจัดพิธีปังจุ้ยเต็ง หรือพิธีลอยกระทงเจ วันสุดท้ายคือวันที่ 9 เดือน 9 มีการไหว้ดวงวิญญาณไร้ญาติ วิญญาณบรรพบุรุษ และท้ายที่สุด คือพิธีเกาเพ้า หรือพิธีส่งเครื่องสักการะบรรณาการแด่องค์เทพเจ้าขึ้นสู่สวรรค์ และส่งเทพเจ้ากลับสู่สวรรค์ เป็นอันจบเทศกาลกินเจ

บรรณานุกรม

เสฏฐวุฒิ เอกรัตนวัฒน์.(2566,ตุลาคม 14).รองประธานศาลเทพเจ้ากวนอู อำเภอ เมือง จังหวัด นครปฐม.สัมภาษณ์